
ดอยหลวงเชียงดาว
เมื่อพูดถึงดอยหลวงเชียงดาว นักท่องเที่ยวบางกลุ่มอาจรู้จักสถานที่นี้ในนามของบ้านพัก รีสอร์ทเอกชน หรือจุดชมวิวที่มองเห็นทิวเขา เนื่องจากดอยหลวงเชียงดาวเป็นเขาสูงทอดยาวรายล้อมไปด้วยที่พักมากมาย จึงทำให้ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วประเทศได้ตลอดทั้งปี
แต่นอกจากการชื่นชมภูเขาลูกนี้จากด้านล่างแล้ว ลึกเข้าไปใจกลางป่ายังคงมีเส้นทางเดินเท้าที่ทำให้เราขึ้นไปเหยียบอยู่บนจุดสูงสุดของดอยหลวงเชียงดาวได้อีกด้วย การได้รับขนานนามว่า ดอยหลวง หรือ เขาหลวงนั้นมีเพียงไม่กี่แห่ง คำว่า หลวง เปรียบเสมือนความยิ่งใหญ่ สูงชัน หรือเป็นสถานที่ที่มีความสำคัญด้านประวัติศาสตร์
เช่นเดียวกับดอยหลวงเชียงดาวแห่งนี้ที่ชาวบ้านเคยเรียกกันว่า ดอยอ่างสลุงเชียงดาว คำว่า เชียงดาวนั้นเพี้ยนมาจากคำว่าเพียงดาว หมายถึงความสูงของยอดดอยแห่งนี้สูงเพียงเดือนเพียงดาว
ซึ่ง ดอยหลวงเชียงดาวสูงเป็นอันดับ 3 ของประเทศไทย แต่หากมองในแง่ของเส้นทางเดินป่าเต็มรูปแบบ สถานที่แห่งนี้ถือว่าเป็นเส้นทางเดินป่าที่สูงที่สุด เนื่องจากดอยอินทนนท์ที่สูงเป็นอันดับ 1 และดอยผ้าห่มปกที่สูงรองลงมานั้น เป็นเพียงเส้นทางศึกษาธรรมชาติระยะสั้น ที่สามารถเดินทางด้วยรถยนต์จนเกือบถึงยอดเขา ต่างจากดอยหลวงเชียงดาวที่เรียกได้ว่าเดินกันครึ่งค่อนวัน
นอกจากสมญานามที่ยิ่งใหญ่แล้ว ที่นี่ยังมีความสำคัญในแง่อื่นๆอีกด้วย เช่น เป็นเขาหินปูนโบราณที่มีอายุหลายร้อยล้านปี มีร่องรอยของสิ่งมีชีวิตเก่าแก่อย่างปะการัง และหอย เป็นป่าที่มีพืชท้องถิ่นเติบโตอยู่จำนวนมาก
รวมทั้งเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่าหายากหลายชนิด เช่น ผีเสื้อสมิงเชียงดาว ไก่ฟ้าหางลายขวาง และกวางผา เมื่อประกอบกับเส้นทางธรรมชาติที่ท้าทายพลังกาย ทิวทัศน์ และสภาพอากาศที่ดึงดูดใจ

ดอยหลวงเชียงดาวจึงเป็นอีกหนึ่งเส้นทางเดินป่าที่นักท่องเที่ยวต่างหมายปองพิชิตมัน
กางเต็นท์อ่างสลุง
สิ่งแรกที่ต้องทำเมื่อมาถึงลานกางเต็นท์อ่างสลุง คือหาสัมภาระของตนเองที่มากับลูกหาบ เนื่องจากบริเวณลานกางเต็นท์จะไม่ใช่พื้นที่โล่งที่มองเห็นได้ง่ายนัก ลักษณะพื้นที่แม้จะไม่มีต้นไม้ใหญ่รกทึบ แต่ประกอบไปด้วยทุ่งหญ้าสูงท่วมหัว จะมีพื้นที่โล่งเตียนเฉพาะจุดที่กางเต็นท์เท่านั้น ซึ่งแต่ละจุดจะกางเต็นท์ได้ประมาณ 3 ถึง 5 หลัง
เส้นทางเดินภายในบริเวณลานกางเต็นท์คล้ายกับเขาวงกต ที่จะแบ่งเป็นซอยหรือทางเล็กๆสำหรับเดินไปยังเต็นท์ของตนเอง อาจเป็นเพราะเจ้าหน้าที่ต้องการให้พื้นที่สมบูรณ์มากที่สุด รบกวนธรรมชาติน้อยที่สุด
เพราะฤดูกาลท่องเที่ยวมีเพียงแค่ 2 ถึง 3 เดือนเท่านั้น แต่สัตว์ป่า และพืชพรรณที่นี่ ยังคงอาศัยหากินตลอดชั่วชีวิตของมัน
ลานกางเต็นท์จึงไม่มีบริการร้านขายของชำ หรือเปิดให้เช่ายืมอุปกรณ์ต่างๆ ทั้งนี้เพื่อลดขยะ และไม่ให้มีสิ่งปลูกสร้างใดๆเพื่อรบกวนสัตว์ป่า
แต่อย่างน้อยก็มีห้องน้ำ ซึ่งเป็นห้องน้ำแบบชั่วคราวเท่านั้น ลักษณะเป็นเสาไม้ปักสี่มุมขนาดกะทัดรัด ขึงกั้นด้วยผ้าไวนิล ตั้งกระจายตามจุดต่างๆ ภายในห้องน้ำไม่ใช่ส้วมหลุม แต่ทำเป็นเก้าอี้พลาสติกเจาะรูด้านบนตรงกลาง นักท่องเที่ยวจะต้องนำถุงดำสวมคลุมเก้าอี้เพื่อถ่ายหนัก จากนั้นจึงนำถุงดำไปทิ้งในส่วนที่เจ้าหน้าที่จัดเตรียมไว้ให้เพื่อทำการฝังกลบให้ย่อยสลายต่อไป
ส่วนการถ่ายเบาจะต้องใช้ถุงปัสสาวะพกพา ซึ่งด้านในถุงจะสารเคมีบางอย่างสามารถทำให้ของเหลวกลายเป็นเจลได้ นักท่องเที่ยวจะต้องนำถุงปัสสาวะกลับลงมาด้านล่างพร้อมกับขยะอื่นๆ เนื่องจากย่อยสลายยาก ส่วนเรื่องของอาหารการกิน ก็จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องเตรียมไปด้วย โดยเส้นทางที่ไปยังเขตรักษาพันธุ์ป่าเชียงดาวจะมีตลาดสดเชียงดาว สามารถแวะซื้ออาหารสด อาหารแห้ง น้ำดื่มได้จากตลาด
สิ่งแรกที่ต้องทำเมื่อมาถึงลานกางเต็นท์อ่างสลุง บนพื้นจะไม่มีต้นไม้ใหญ่รกทึบ แต่โดยรอบแล้วจะมีทุ่งหญ้าสูงท่วมหัว มีพื้นที่โล่งเตียนเฉพาะจุดที่กางเต็นท์เท่านั้น ซึ่งแต่ละจุดจะกางเต็นท์ได้ประมาณ 3 ถึง 5 หลังเส้นทางเดินภายในบริเวณลานกางเต็นท์คล้ายกับเขาวงกต ที่จะแบ่งเป็นซอยหรือทางเล็กๆสำหรับเดินไปยังเต็นท์ของตนเองเพราะเจ้าหน้าที่ต้องการให้พื้นที่สมบูรณ์มากที่สุด รบกวน ธรรมชาติ น้อยที่สุด เพราะฤดูกาลท่องเที่ยวมีเพียงแค่ 2 ถึง 3 เดือนเท่านั้น สัตว์ป่าและพืชพรรณธรรมชาติที่นี่ ยังคงอาศัยหากินตลอดชีวิตของมันซึ่งพวกเราจะต้องช่วยกันอนุรักษ์ดูแลรักษาความสมบูรณ์ของที่นี้เอาไว้
ดอยหลวงเชียงดาวอยู่ในการดูแลของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ เป็นอีกหนึ่งเส้นทางเดินป่าที่ต้องจองคิวก่อนการขึ้นเดิน
โดยทุกปีจะมีกำหนดการ และการจำกัดจำนวนคนที่ไม่แน่นอน ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมที่เจ้าหน้าที่อุทยานประเมิน หรือบางปีหากมีไฟป่าก็อาจปิดเส้นทางเดินป่าอย่างไม่มีกำหนดแต่หากมีกำหนดการออกมาแล้ว นักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปจองคิวในระบบออนไลน์ ที่เว็บไซต์
โดยจะต้องทำการจองล่วงหน้าอย่างน้อย 5 วัน อาจจะมีโควตาในการเดินป่าอาทิตย์ละประมาณ 100 ถึง 150 คน หากแบ่งเป็นกลุ่มละ 10 คน จะมีจำนวน 10 ถึง 15 กลุ่มเท่านั้น โดยปกติจะเปิดให้เดินขึ้นเฉพาะวันศุกร์ และวันเสาร์ เนื่องจากดอยหลวงเชียงดาวเป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า เจ้าหน้าที่ย่อมคำนึงถึงธรรมชาติมากที่สุด

การเดินทางสู่ดอยหลวงเชียงดาว
การเดินทางไปยังดอยหลวงเชียงดาวโดยส่วนใหญ่จะเป็นการเช่ารถตู้แบบเหมา เรียกกันว่ารถตู้ VIP มีเพียง 10 ที่นั่ง ซึ่งตรงกับข้อกำหนดของอุทยานหลายแห่งที่มักจัดให้ 1 กลุ่ม มี 10 คน โดยราคาเหมาจะอยู่ระหว่างวันละ 1,800 บาท ถึง 2,000 บาท ไม่รวมค่าน้ำมัน ซึ่งส่วนใหญ่การเดินป่าจะอยู่ในช่วงเวลา 3 ถึง 4 วัน ค่าน้ำมันประมาณ 5,000 บาท
กำหนดการวันแรก นักท่องเที่ยวจะต้องมาถึงเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าดอยหลวงเชียวดาวในช่วงเวลาไม่เกิน 08:00 น. เพื่อทำเรื่องลงทะเบียนขออนุญาตเดินป่า ในจุดนี้จะต้องจ่าย
- ค่ามัดจำขยะ 1,000 บาท ต่อกลุ่ม
- ค่ารถเหมาสำหรับขนส่งนักท่องเที่ยวขึ้นไปยังจุดเดินป่าคันละ 1,800 บาท โดยต้องใช้ 2 คัน เพราะต้องรวมลูกหาบกับเจ้าหน้าที่ด้วย
- ลูกหาบจะมีค่าบริการ 500 บาทต่อวัน หาบของได้ประมาณ 20 กิโลกรัม
ทางเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าจะมีการอบรมนักท่องเที่ยวเรื่องกฎระเบียบต่างๆก่อนขึ้นไปเดินป่า เจ้าหน้าที่จะมอบถุงดำ ถุงปัสสาวะพกพา ให้กับนักท่องเที่ยวทุกคนสำหรับการขับถ่าย
หลังจากนั้นจึงออกเดินทางไปยัง หน่วยขุนห้วยแม่กอก เรียกเส้นทางนี้ว่า เด่นหญ้าขัด จะใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง เส้นทางเต็มไปด้วยฝุ่น ค่อนข้างขรุขระและอันตราย หากอยากนั่งสบายควรรีบจองที่นั่งโดยสารด้านในรถ ในระหว่างทางจะมีจุดตรวจรับหนังสือขออนุญาต 1 จุด เมื่อผ่านจุดนี้ไปได้ระยะหนึ่ง ก็จะถึงหน่วยขุนห้วยแม่กอก หรือ หน่วยเด่นหญ้าขัด ซึ่งจะเป็นจุดเริ่มต้นในการเดินเท้า ในจุดนี้จะมีห้องน้ำไว้บริการ ควรทำธุระส่วนตัวให้เรียบร้อย เพราะเส้นทางจากนี้ไปจะไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกใดๆอีก
สภาพอากาศ
ดอยหลวงเชียงดาวจะเปิดเส้นทางในช่วงเดือนพฤศจิกายน ถึง เดือนมีนาคม สภาพอากาศบนดอยจึงค่อนข้างหนาวเย็น แม้ช่วงกลางวันจะมีแดดบ้าง แต่เส้นทางก็เต็มไปด้วยร่มไม้ ประกอบกับมีพรรณไม้แปลกตา บางจุดที่เป็นหินขนาดใหญ่
นักท่องเที่ยวอาจพบร่องรอยซากฟอสซิลของสัตว์ทะเลที่เคยอาศัยอยู่บนหุบเขาแห่งนี้เมื่อหลายร้อยล้านปีก่อน ทำให้การเดินป่าในครั้งนี้ค่อนข้างเพลิดเพลินไม่น้อย